อัยการแจงเหตุคดี"ทายาทเครื่องดื่มชูกำลัง"ขับรถชนดาบตำรวจล่าช้า
โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ชี้แจงสาเหตุสำนวนคดีทายาทเครื่องดื่มชูกำลังขับรถชนสายตรวจ สน.ทองหล่อ เสียชีวิต ล่าช้า บางข้อหาหมดอายุความมาจากตัวผู้ต้องหา ไม่ได้เกิดจากการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ
เรือโท สมนึก เสียงก้อง โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด และนายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักอัยการสูงสุด แถลงความคืบหน้าการดำเนินคดี นายวรยุทธ อยู่วิทยา ผู้ต้องหาคดีขับเฟอร์รารี่ชนดาบตำรวจ สน.ทองหล่อ เสียชีวิต ล่าช้าจนเป็นเหตุให้ข้อหาเบา บางข้อหาหมดอายุความว่า สาเหตุมาจากตัวผู้ต้องหาที่ไม่ยอมเดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ตามนัด ไม่ใช่ความล่าช้าจากการทำงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ทั้งพนักงานสอบสวน และ พนักงานอัยการ แต่ในส่วนของข้อหาหนัก คือ ขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และ ข้อหาไม่หยุดให้ความช่วยเหลือ และแจ้งเหตุต่อเจ้าหน้าที่ใกล้เคียง มีอายุความ 5 ปี จะหมดอายุความวันที่ 3 กันยายน 2560 โดยทั้ง 2 ข้อหานี้ อัยการยืนยันจะดำเนินการให้ทันก่อนจะหมดอายุความ แม้ว่าขณะนี้ผู้ต้องหายังอยู่ต่างประเทศ และ ทนายความได้ยื่นขอความเป็นธรรม ให้สอบพยานเพิ่มอีก 5 ปาก โดยอ้างเป็นประเด็นใหม่ไม่ปรากฏในสำนวนการสอบสวน
โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ยังชี้แจงกรณีข้อหาขับรถเร็วเกินที่กฎหมายกำหนด และคดีขาดอายุความ เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2556 เนื่องจากผู้ต้องหาไม่มาตามที่อัยการนัด ในวันที่ 2 กันยายน ปี 56 อ้างว่าอยู่ที่ประเทศสิงค์โปร์ และป่วยกะทันหัน ทำให้พนักงานอัยการไม่สามารถส่งฟ้องได้
ส่วนข้อหาขับรถขณะมึนเมาสุรา พนักงานสอบสวนมีความเห็นไม่สั่งฟ้อง เนื่องจากเป็นการตรวจวัดแอลกอฮอล์ช่วงเวลา 16.00 น.ของวันเกิดเหตุ และมีการดื่มสุราหลังเกิดเหตุแล้ว ตรวจพบปริมาณแอลกอฮอล์ 64.48 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ประกอบกับข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญ ระบุว่าหากเป็นปริมาณแอลกอฮอล์ที่มาจากการดื่มก่อนชนจะสูงมากกว่า 400 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ซึ่งจะทำให้หมดสติไม่สามารถขับขี่รถได้ พนักงานสอบสวนจึงมีคำสั่งไม่ฟ้อง เมื่อพนักงานอัยการรับสำนวน และพิจารณาตามสำนวนจึงมีคำสั่งไม่ฟ้องตามหลักฐานที่พนักงานสอบสวนนำมาแสดง