ศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับวินิจฉัย 32 ส.ส.แต่ไม่สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่
ที่ประชุมองค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งรับคำร้อง พรรคอนาคตใหม่ ที่ร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ผ่าน นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน ที่ผ่านมา ขอให้ศาลวินิจฉัย ฝ่าย ส.ส. พรรครัฐบาล 41 คน เข้าข่ายขาดคุณสมบัติและเป็นเหตุให้พ้นจาก สมาชิกภาพความเป็น ส.ส. หรือไม่ กรณีมีหุ้นส่วนในบริษัทที่ระบุวัตถุประสงค์ว่าประกอบกิจการสื่อสารมวลชน โดยศาลพิจารณาพบว่า ในจำนวน 41 คน มีเพียง 32 คนที่ศาลรับคำร้องไว้พิจารณา และให้แก้ข้อกล่าวหาต่อศาล ภายใน 15 วัน
ส่วน ส.ส. 9 คน ประกอบด้วย
จากพรรคพลังประชารัฐ 6 คน ประกอบด้วย
- นายศาสตรา ศรีปาน
- นายสุรศักดิ์ ชิงนวรรณ์
- น.ส.ภิริม พูลเจริญ
- น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์
- นาย ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์
- นายจักรพันธ์ พรนิมิต
และจากพรรคประชาธิปัตย์ 3 คน ประกอบด้วย
- นายกรณ์ จาติกวณิช
- นายประมวล พงศ์ถาวราแดช
- และนายอัครเดช วงษพิทักษ์โรจน์
ศาลมีคำสั่งไม่รับคำร้อง เนื่องจากเห็นว่าตามเอกสารรับรองจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ระบุวัตถุประสงค์ ประกอบกิจการการค้า กระดาษ แบบพิมพ์ อุปกรณ์ถ่ายภาพยนตร์ เครื่องคำนวณ และหนังสือ การเรียนการสอนนั้น ไม่เกี่ยวข้องกับกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ
ส่วนคำร้องที่ให้ ผู้ถูกร้อง หยุดปฏิบัติหน้าที่นั้น ศาลเห็นว่ายังไม่เข้าเงื่อนให้ให้ผู้ถูกร้อง ที่ศาลรับเรื่องไว้ ทั้ง 32 คน ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่เนื่องจากยังไม่ปรากฏเหตุอันควรสงสัย มีกรณีตามคำร้อง ยังเป็นเรื่องที่ศาลต้องไต่ส่วนเพื่อหาข้อเท็จจริงต่อไป
โดยศาลรัฐธรรมนูญ ชี้แจงเหตุผลที่ไม่ให้ ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่แบบ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ว่า ตามคำร้องของ กกต. ที่ร้องให้ วินิจฉัย คุณสมบัติ ของนายธนาธรนั้น ได้ผ่านกระบวนการสืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริง จาก กกต. แล้ว ก่อนส่งเรื่องมายังศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งตามเอกสารตามคำร้องระบุชัดเจนว่า บริษัทของนายธนาธร ประกอบกิจการหลังสือพิมพ์ โรงพิมพ์ โดยมีการระบุรายได้ที่มาชัดเจนว่ามาจากการขายนิตยสาร และรายได้จากโฆษณา จึงเป็นกรณีที่มีเหตุอันควรสงสัย ว่า นายธนาธร มีกรณีตามที่ถูกร้อง ศาลรัฐธรรมนูญจึงมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่