คืบหน้าคดีฉ้อโกงประชาชน-ตำรวจ จ.เลย
โฆษกกระทรวงยุติธรรม ชี้แจงไม่มีข้าราชการระดับสูงในกระทรวงยุติธรรม เป็นผู้ต้องหาในคดีฉ้อโกงทรัพย์สินประชาชนและตำรรวจภูธรจังหวัดเลย แต่ระบุว่าเป็นส่วนราชการอื่น ในกระบวนการยุติธรรม ด้านพนักงานสอบสวนภูธรภาค 4 สอบปากคำพยานในคดีนี้เพิ่มเติม และพบข้อมูลว่ากำลังสอบสวนตำรวจอีก 30 นายที่เข้าข่ายพัวพันในคดี
พนักงานสอบสวน ประจำศูนย์รับเรื่องคดีสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธรจังหวัดเลย สอบปากคำพยานและผู้เสียหายในคดีเพิ่มเติม หลังจากพบข้อมูลมากขึ้นว่า นอกจากข้าราชการตำรวจจังหวัดเลยกว่า 100 นาย เป็นผู้เสียหายแล้ว รวม 200 ล้านบาท แล้ว ยังมีประชาชนทั่วไป ถูกชักชวนเข้าร่วมลงทุนลักษณะแชร์ลูกโซ่ เป็นผู้เสียหายด้วย คิดเป็นมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาทแล้ว
รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 เปิดเผยว่าการแยกสอบปากคำวันนี้ เพื่อหาความเชื่อมโยงเส้นทางการเงินของผู้เกี่ยวข้องและผู้ต้องสงสัย นอกจากนี้ยังระบุว่า มีตำรวจอีกกว่า 30 นาย เกี่ยวข้องเรื่องนี้ ทั้งที่ลงทุนโดยไม่รู้รูปแบบ และที่ลงทุนไปโดยตั้งใจและรู้ว่าเป็นลักษณะแชร์ลูกโซ่ ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อยู่ระหว่างสืบสวนข้อเท็จจริง รวมถึงอยู่ ระหว่างรวบรวมหลักฐานว่าจะอนุมัติหมายจับผู้เกี่ยวข้องได้เพิ่มอีกหรือไม่ โดยเฉพาะจากข้อมูลว่าเป็นบุคคลผู้มีชื่อเสียง ที่มีความสามารถจะนำเงินมาลงทุนได้
รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 บอกว่าพนักงานสอบสวนกำลังเตรียมอนุมัติหมายจับเรียก ข้าราชการะดับสูง ในกระบวนการยุติธรรม อีก 2 คน ให้เข้ามาให้ข้อมูล เพิ่มเติมในวันพรุ่งนี้ หลังจากเมื่อวานนี้ มีบุคคลที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรม 4 คน ถูกแจ้งข้อกล่าวหาในข้อหาฉ้อโกงประชาชนไปแล้ว เพราะผลการสอบสวนเริ่มขยายผลไปถึง
นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะโฆษกกระทรวงยุติธรรม ชี้แจงกรณีผู้ต้องหา 6 คน จาก 7 คนที่เข้ามอบตัวตำรวจ ในคดีฉ้อโกงเมื่อวานนี้ และถูกระบุว่าเป็นข้าราชการระดับสูงของกระทรวงยุติธรรมนั้น ยืนยันว่าตรวจสอบแล้วพบว่า ไม่ใช่ข้าราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรม แต่เป็นส่วนราชการอื่น ในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งได้ชี้แจงต่อสื่อมวลชนและสาธารณะชนแล้ว พร้อมระบุว่า หากมีข้าราชการกระทรวงยุติธรรม กระทำผิดโดยเฉพาะประเด็นทุจริต จะมีคำสั่งย้ายออก จากหน้าที่ปกติ หรือย้ายหน่วยงาน หรือพักราชการไว้ก่อนทันที ตามมาตราการป้องกันปราบปรามการทุจริตในระบบราชการ