เตือนรับมือน้ำท่วมหลังระดับน้ำโขงเพิ่มสูง
กรมชลประทาน กำชับทุกโครงการชลประทาน เตรียมพร้อมรับมือลุ่มน้ำเจ้าพระยาเข้าสู่ช่วงน้ำหลาก หลังเกิดฝนตกหนักหลายพื้นที่บริเวณภาคเหนือ ทำให้แม่น้ำสายหลัก มีปริมาณน้ำมากและไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ แจ้งเตือนประชาชนริมแม่น้ำโขงเตรียมรับมือน้ำท่วม หลังระดับน้ำเพิ่มสูงถึงจุดวิกฤตแล้ว
สถานการณ์แม่น้ำโขง ระดับน้ำยังน่าเป็นห่วง ขณะนี้น้ำสูงกว่าตลิ่งและไหลเข้าท่วมพื้นที่ริมแม่น้ำโขงแล้ว 3 จังหวัด ได้แก่ นครพนม มุกดาหาร และอุบลราชธานี ระดับน้ำตั้งแต่ 30 ถึง 70 เซนติเมตร สาเหตุเนื่องจากมีฝนตกหนักในพื้นที่ภาคเหนือ ประกอบกับ ที่สปป.ลาว ยังคงเร่งระบายน้ำจากเขื่อนหลายแห่ง ทำให้มีน้ำไหลมาสมทบแม่น้ำโขงเพิ่ม นายสำเริง แสงภู่วงศ์ ประธานศูนย์เฉพาะกิจชั่วคราวในภาวะวิกฤต แจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่พื้นที่ริมแม่น้ำโขงทุกจังหวัด ยกสิ่งของให้สูงขึ้นจากเดิม ซึ่งภายในคืนนี้ระดับน้ำจะค่อย ๆ เพิ่มสูงขึ้นอีก ซึ่งอาจส่งผลบ้านเรือนประชาชนในเขตเทศบาลนครพนมด้วย
จากการที่แม่น้ำโขงหนุนสูงขึ้น ทำให้นาข้าวของเกษตรกรหลายพื้นที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะที่อำเภอชานุมาน จังหวัดอำนาจเจริญ นาข้าวมากกว่า 3 หมื่นไร่ และสวนกล้วยอีกหลายพันไร่ ถูกน้ำท่วม โดยพืชสวนเริ่มเน่าตาย เนื่องจากน้ำท่วมขังมานานกว่า 2 สัปดาห์แล้ว โดยนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หามาตรการเยียวยาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเต็มที่
นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ฝนที่ตกหนักในหลายพื้นที่บริเวณภาคเหนือ ส่งผลให้แม่น้ำสายหลักไม่ว่าจะเป็นแม่น้ำปิง วัง ยม และน่าน มีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น และไหลรวมกันลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาที่ จังหวัดนครสวรรค์อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับกรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ว่า ในช่วงเดือนกันยายน ยังคงมีฝนตกในพื้นที่ ขณะเดียวกันประเทศไทยอาจจะได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อน
สถานการณ์น้ำใน 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา วันนี้มีปริมาณน้ำรวมกันร้อยละ 65 ของความจุอ่าง สามารถรับน้ำได้รวมกันอีกกว่า 8,650 ล้าน ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
กรมชลประทานจึงได้วางแผนการระบายน้ำจาก 4 เขื่อนหลัก ตามเกณฑ์ที่เหมาะสม เขื่อนภูมิพล ระบายน้ำวันละ 5-8 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เขื่อนสิริกิติ์ ระบายน้ำวันละ 30 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน ระบายน้ำวันละ 1.3 ล้าน ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่วนเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ยังคงระบายน้ำในอัตราวันละ 35 ล้าน ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
ส่วนสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ที่สถานี C.2 อำเภอเมืองนครสวรรค์ มีน้ำไหลผ่าน 1,134 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ระดับน้ำยังต่ำกว่าตลิ่งประมาณ 5 เมตร ระดับน้ำมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่วนเขื่อนเจ้าพระยามีน้ำไหลผ่าน 780 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยจะควบคุมปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาในเกณฑ์ไม่เกิน 800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งจะทำให้ระดับน้ำด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ตั้งแต่บริเวณ อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท ถึงบริเวณ ตำบลบ้านกระทุ่ม ตำบลหัวเวียง อำเภอเสนา และ ตำบลท่าดินแดง อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจากเดิมประมาณ 30-50 เซนติเมตร