ภรรยาร่ำไห้รับศพสามีกระโดดตึกศาลฆ่าตัวตาย วอนขอความเป็นธรรม
ภรรยาร่ำไห้รับศพสามีกระโดดศาลอาญา เสียชีวิต พ้อคู่กรณีมีอิทธิพล ไม่มีคนกล้าเป็นพยาน สามีต้องลาออกจากงานประจำมาวิ่งหาหลักฐานเอง วอนขอความเป็นธรรมจะสู้ให้ถึงที่สุด หากคิดสั้นอย่าถือว่าเป็นคนโง่รายต่อไป
โดยบรรยากาศการรับศพนายศุภชัย คัฬหสุนทร ที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ เป็นไปด้วยความโศกเศร้าของภรรยาและครอบครัว นางเรวดี คัฬหสุนทร ภรรยา กล่าวทั้งน้ำตา ไม่เคยคิดมาก่อนว่าสามีจะกระโดดตึกฆ่าตัวตาย เพราะก่อนเดินทางไปฟังคำพิพากษา สามียังอารมณ์ดีร่าเริงปกติ โดยไม่คิดว่าศาลจะยกฟ้อง อีกทั้งไม่มีลางร้ายบอกเหตุ จนกระทั่งสิ้นคำพิพากษาคิดว่า สามีขอตัวไปเข้าห้องน้ำ แต่ก็ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุ ซึ่งตอนนั้นตนเองคิดจะกระโดดฆ่าตัวตายเหมือนกัน แต่มีคนมาดึงไว้ทัน จนกระทั่งมารู้อีกทีว่าสามีคิดสั้นกระโดดตึกลงมาแล้ว
ที่ผ่านมา สามีต้องลาออกจากงานประจำมาติดตามคดีและหาหลักฐานเองเพียงลำพัง จนรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากคู่กรณีเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ทำให้ผู้เห็นเหตุการณ์หลายคนไม่กล้ามาเป็นพยานยืนยันว่าใครเป็นคนร้ายที่แท้จริง
ทีมข่าวของเราลงพื้นที่ตรวจสอบที่ซอยประชาสงเคราะห์ 1 ดินแดง ย้อนดูที่เกิดเหตุที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 เมษายน 2559 โดยชาวบ้านละแวกนั้นต่างระบุ ช่วงเกิดเหตุเป็นเวลาประมาณ 19:00 น.มีวัยรุ่นจำนวนมากมาเล่นสงกรานต์วันสุดท้าย และชุลมุนมาก ไม่มีใครเห็นเหตุการณ์ สอดคล้องกับพยานรายนี้ ที่ได้ขึ้นเป็นพยานในชั้นศาล ยืนยันว่าเห็นผู้บาดเจ็บ แต่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนลงมือทำร้าย เพราะคนเยอะมาก ส่วนกล้องวงจรปิด พบว่าตัวแรกที่ติดอยู่บริเวณปากซอย หันหน้าออกไปทางถนน ที่จะเห็นเพียงขณะที่กลุ่มวัยรุ่นเดินเข้าไปในซอย ส่วนตัวที่สอง อยู่ถัดจากปากซอยเข้ามาประมาณ 100 เมตร กล้องหันหน้าเข้าไปในซอย จึงทำให้ไม่สามารถจับภาพในจุดเกิดเหตุที่อยู่ระหว่างกล้องตัวที่ 1 และ 2 ได้
ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ตั้งคณะทำงานเพื่อตรวจสอบหาข้อบกพร่องและแสวงหาพยานหลักฐานใหม่ โดยมีพลตำรวจตรีสมพงษ์ ชิงดวง รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เป็นหัวหน้าคณะทำงานเร่งรวบรวมข้อมูลให้ได้เร็วที่สุด อย่างน้อยภายใน 30 วันก่อนจะนำข้อมูลพยานหลักฐานที่ได้ไปปรึกษาอัยการ เจ้าของคดีเพื่อความรัดกุมของสำนวนคดีในการยื่นอุทธรณ์
เบื้องต้นพบว่าคดีดังกล่าวไม่พบอาวุธที่ใช้ก่อเหตุ และผู้ต้องหาอีก 1 คนที่เป็นเยาวชนก็ให้การภาคเสธ โดยรับเพียงว่าในวันเกิดเหตุได้เข้าไปชกต่อยกับผู้เสียชีวิต แต่ไม่ได้แต่ไม่ได้เป็นคนลงมือใช้อาวุธมีดแทงผู้เสียชีวิต ส่วนผู้ต้องหาอีกคนให้การปฎิเสธ
นอกจากนี้ ยังพบว่าในจุดเกิดเหตุมีแสงสว่างที่ไม่ชัดเจนจนทำให้กล้องวงจรปิดไม่สามารถจับภาพผู้ก่อเหตุได้อย่างชัดเจน ส่วนประจักษ์พยานเพียงปากเดียวที่เห็นเหตุการณ์ ที่ศาลระบุว่าอยู่ระหว่างการรักษาอาการทางจิตนั้น ยืนยันว่า พยานมีสติสัมปชัญญะ ครบถ้วนในวันที่เกิดเหตุและในขณะให้ปากคำกับตำรวจ แต่มีอาการป่วยจิตหลังจากให้การแล้ว