ผู้พิพากษาวอชิงตันตัดสินระงับคำสั่งห้ามเดินทาง
ผู้พิพากษารัฐบาลกลางในนครซีแอตเทิล ตัดสินให้งดเว้นการกระทำตามคำสั่งประธานาธิบดี หรือ Executive order ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เกี่ยวกับการห้าม 7 ชาติมุสลิม เดินทางเข้าสหรัฐฯ ทั่วประเทศ เป็นการชั่วคราว นับเป็นสิ่งที่ท้าทายคณะบริหารของประธานาธิบดีทรัมป์ ที่เข้ามารับตำแหน่งเพียง 2 สัปดาห์
นายบ็อบ เฟอร์กูสัน อัยการสูงสุดรัฐวอชิงตัน แถลงต่อผู้สื่อข่าวเมื่อวานนี้ โดยระบุว่า คำตัดสินดังกล่าว เป็นคำตัดสินประวัติศาสตร์ ซึ่งรัฐวอชิงตัน กลายเป็นรัฐแรก ที่ออกมายื่นฟ้องให้มีการพิจารณาระงับการใช้คำสั่งประธานาธิบดีของทรัมป์ ที่ห้าม 7 ชาติมุสลิม ได้แก่ อิรัก,ซีเรีย,อิหร่าน,ลิเบีย,โซมาเลีย,ซูดาน และเยเมน เข้าสหรัฐฯ เป็นการชั่วคราวทั่วประเทศ เพราะเห็นว่า เป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย และขัดต่อรัฐธรรมนูญ เพราะถือว่าเป็นการเลือกปฎิบัติต่อผู้คน โดยใช้ศาสนา มาเป็นตัวตัดสิน
คำสั่งการงดเว้นคำสั่งของประธานาธิบดีทรัมป์ ถือเป็น สิ่งท้าทายคณะบริหารของประธานาธิบดีทรัมป์ เป็นอย่างมาก ซึ่งก็หมายความว่า คนที่มาจาก 7 ชาติ มุสลิมยังคงสามารถยื่นขอวีซ่าเข้าสหรัฐฯ ได้
หลังจากที่ ประธานาธิบดีทรัมป์ ลงนามออกคำสั่งห้าม 7 ชาติ มุสลิมเข้าสหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้เกิดการชุมนุมประท้วงทั่วประเทศ และในต่างประเทศด้วย ขณะเดียวกัน ก็สร้างความสับสบ มาตราตรวจคนเข้าเมือง ตามสนามบินต่าง ๆ เพราะมีผู้เดินทางหลายคนถูกกักตัว อย่างไรก็ตาม รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีทรัมป์ ยังยืนยันว่า มาตรการดังกล่าว ทำให้ประเทศปลอดภัยขึ้น
กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า นับตั้งแต่มีคำสั่งห้าม 7 ชาติมุสลิมเข้าสหรัฐฯ มีวีซ่า ถูกเพิกถอนไปแล้ว 6 หมื่นฉบับ