ลูกชายคนเล็กฮุนเซน พร้อมก้าวเป็นผู้นำประเทศแทนพ่อ
ลูกชายคนเล็กของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา เปิดเผยในการให้สัมภาษณ์ต่อสื่อต่างประเทศระหว่างเดินทางเยือนกรุงวอชิงตัน ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า มีความต้องการจะเป็นผู้นำประเทศ ซึ่งในอนาคตอาจขึ้นมาทำงานแทนผู้เป็นพ่อ แต่การจะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำประเทศ ต้องมาจากการที่ประชาชนชาวกัมพูชา ตัดสินใจเลือกจากผลงาน ไม่ใช่เพราะนามสกุลที่ทำให้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำ
แม้จะมีท่าทีสุภาพตรงข้ามกับความดุดันที่เป็นลักษณะนิสัยของผู้เป็นบิดา ที่อยู่ในอำนาจมานาน 30 ปี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ฮุน มานี ลูกชายของนายกรัฐมนตรีฮุนเซนของกัมพูชา ที่มีอายุ 33 ปี จะไม่มีความทะเยอทะยาน เพราะว่าลูกชายคนเล็กของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้เปิดใจให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างชาติ ระหว่างการเดินทางเยือนวอชิงตันว่า วันหนึ่งข้างหน้าต้องการก้าวขึ้นเป็นผู้นำกัมพูชา
นายฮุน มานี มีตำแหน่งเป็นประธานสหพันธ์เยาวชนกัมพูชา ที่เชื่อมโยงกับพรรคประชาชนกัมพูชา เป็นอีกผู้หนึ่งที่มีโอกาสเป็นไปได้ที่จะรับช่วงต่อจากนายฮุนเซน และ ได้กลายเป็นที่จับตามองมากขึ้นตั้งแต่เข้าเป็นสมาชิกรัฐสภาที่มีอายุน้อยที่สุดของประเทศ ในปี 2556
นายฮุน มานี ใช้เวลาครึ่งชีวิตอยู่ต่างประเทศ อาศัย และศึกษาเล่าเรียนในฝรั่งเศส ออสเตรเลีย และ สหรัฐฯ จบการศึกษาระดับปริญญาโท จากมหาวิทยาลัยป้องกันชาติอเมริกัน ในกรุงวอชิงตัน
การเดินทางเยือนกรุงวอชิงตัน ของฮุน มานี ในสัปดาห์นี้ ยังได้เรียกร้องถึงการเพิ่มความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และกัมพูชาให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ก่อนการเยือนสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการของสมเด็จฮุนเซน เพื่อร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ที่ประธานาธิบดีบารัก โอบามา เป็นเจ้าภาพในกลางเดือนหน้า ขณะเดียวกันวันนี้ นายจอห์น แคร์รี่ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ มีกำหนดเยือนกัมพูชา เพื่อร่วมประชุมกับผู้นำของกัมพูชาด้วย
นายกรัฐมนตรีฮุนเซน เริ่มปกครองประเทศกัมพูชาตั้งแต่ปี 2528 เป็นหัวหน้ารัฐบาลที่ใช้วิธีผสมผสานระหว่างเล่ห์เหลี่ยม และ การใช้กำลังเข้าปราบปรามคู่แข่งทางการเมือง รวมทั้งการรัฐประหารในปี 2540
มีคำถามเล็กๆน้อยๆ เกี่ยวกับการปกครองต่อเนื่องของสมเด็จฮุนเซน โดยนายฮุน มานี บอกว่าบิดาจะนำพรรคประชาชนกัมพูชาเข้าสู่การเลือกตั้งครั้งหน้า ในปี 2561 แต่เสียงสนับสนุนพรรคที่ลดลงในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด นำมาซึ่งการคาดคะเนกันว่าใครที่จะเป็นผู้รับช่วงต่อจากสมเด็จฮุนเซน