สหรัฐฯ-ประกาศภาวะฉุกเฉินในเมืองชาร์ลอตต์
ผู้บัญชาการตำรวจเมืองชาร์ลอตต์ แถลงว่า คลิปวิดีโอที่นำมาเผยแพร่นั้น ไม่ได้แสดงภาพตอนที่มือปืนเล็งปืนมาที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อนที่ตำรวจจะยิงสวนกลับจนเสียชีวิต
ความคืบหน้าสถานการณ์การประท้วงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงนายคีธ ลามอนต์สกอตต์ ชายผิวสี วัย 43 ปี ที่เมืองชาร์ลอตต์ ในรัฐนอร์ท แคโรไลนา สหรัฐฯ ยังคงทวีความรุนแรง นายแพ็ต แม็คครอรี่ ผู้ว่าการรัฐนอร์ท แคโรไลนา ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินภายในเมืองแล้ว หลังการปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจลุกลามจนเกิดเป็นเหตุจลาจล ทำให้มีผู้ชุมนุมเสียชีวิต 1 คน
นอกจากนี้ ที่เมืองทัลซา ของรัฐโอกลาโฮมา ก็มีการประท้วงลักษณะเดียวกันจากเหตุการณ์ตำรวจยิงชายผิวสี หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจในเมืองแถลงผลยอมรับว่า ได้ยิงนายเทเรนซ์ ครุตเชอร์ ชายผิวสีเสียชีวิต ซึ่้งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 กันยายน โดยเป็นการยิงทั้งที่นายครุตเชอร์ไม่ได้พกพาอาวุธ การแถลงยอมรับดังกล่าวจึงกระตุ้นให้ประชาชนออกมาชุมนุมประท้วง ที่บริเวณด้านนอกศูนย์บัญชาการตำรวจ ในเมืองทัลซา
ด้านทำเนียบขาวได้เผยแพร่แถลงการณ์ของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ที่ขอให้ผู้ชุมนุมทั้งในเมืองชาร์ลอตต์ และเมืองทัลซาเคลื่อนไหวอย่างสงบ ภายใต้กรอบของกฎหมาย และหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรง ขณะเดียวกัน ก็ขอให้เจ้าหน้าที่เข้าควบคุมสถานการณ์อย่างสันติวิธี โดยต่อจากนี้จะให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินการสอบสวนเหตุดังกล่าว
ขณะที่ภาพเหตุการณ์ตอนยิงนายสกอตต์ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองชาร์ลอตต์ได้นำมาให้ทางครอบครัวของเขาดู เพื่อพิสูจน์ว่าเขามีอาวุธปืนขณะถูกเจ้าหน้าที่ยิงเสียชีวิตจริงหรือไม่ กลับไม่ปรากฏภาพที่ชัดเจนว่ามีปืนอยู่ในมือนายสกอตต์จริง ทำให้ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานใดที่สามารถคลี่คลายสถานการณ์การประท้วงที่กำลังรุนแรงอยู่ลงได้
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยืนยันว่า จะเดินหน้าสืบสวนเพื่อค้นหาข้อเท็จจริงต่อไป