เพื่อไทยส่งสัญญาณหนุนปรองดอง ยันไม่ได้คุยนิรโทษกรรม
พรรคเพื่อไทย ชี้การปรองดองจะสำเร็จได้รัฐบาล-คสช.ต้องจริงใจ ยึดหลักนิติธรรม เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งในอดีต พร้อมเสนอตั้งกรรมการอิสระมาจากทุกภาคส่วน ยืนยันวันนี้ไม่ได้พูดเรื่องนิรโทษกรรม
นายโภคิน พลกุล แกนนำพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังการให้ข้อคิดเห็นต่อคณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง ที่กระทรวงกลาโหม วันนี้ว่า หากจะให้การปรองดองประสบผลสำเร็จ รัฐบาล และ คสช.ต้องมีความจริงใจ ยึดหลักนิติธรรม พร้อมเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งในอดีต พร้อมทั้งขอให้หยุดใช้วาทกรรมการใส่ร้าย และเสนอให้ตั้ง คณะกรรมการอิสระที่มาจากทุกภาคส่วน เน้นความจริงใจ ไม่มีอคติ และให้อภัย
นายโภคิน กล่าวอีกว่าหากมองในมุมกว้างคู่ขัดแย้งทางการเมือง อาจรวมถึงคู่ขัดแย้งทางเศรษฐกิจระหว่างคนรวยกับคนยากจน คู่ขัดแย้งที่อยู่ในอำนาจมีทั้งพรรคการเมือง กองทัพ และราชการ ที่ได้ประโยชน์แฝง รวมทั้งประชาชนที่ต้องการใช้อำนาจผ่านการเลือกตั้ง ดังนั้น คู่ขัดแย้งไม่ได้มีเฉพาะ 2 พรรคการเมืองใหญ่ หรือ เสื้อเหลือง เสื้้อแดง แต่ต้องถือว่าทุกคนมีส่วนร่วมในความขัดแย้งนี้
รวมทั้งควรปฏิรูปให้ภาคประชาชนสามารถตรวจสอบองค์กรยุติธรรม ทั้งศาล และองค์กรอิสระ ควรมีความเป็นกลางอย่างเคร่งครัด อย่าให้รู้สึกว่าเกิด 2 มาตรฐาน ทุกองค์กรต้องระมัดระวังในการใช้อำนาจให้ถูกต้อง โดยหลักทุกคนต้องหยุดเฮทสปีช และองค์กรของรัฐอย่ามีอคติในการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่
ทั้งนี้ที่ผ่านมาประมาณ 1 เดือน เห็นความตั้งใจที่ดีของรัฐบาล แต่ยังอยากให้กระบวนคงอยู่แม้มีการเลือกตั้ง หากมีคณะกรรมการอิสระซึ่งเป็นตัวแทนจากทุกภาคส่วน ที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียเข้าร่วม จะทำให้ทุกฝ่ายยอมรับ
ส่วนกรณีการใช้ Hate SPEECH หรือวาจาที่สร้างความเกลียดชัง ในอดีต ชี้ว่าแต่ละฝ่ายต้องเป็นผู้รับผิดชอบ อธิบาย และทำให้ความเกลียดชังลดลงในผู้ที่ติดตา,ให้ได้ เพราะหากบรรยากาศไม่เป็นประชาธิปไตย จะทำให้เกิดการปรองดองได้ยาก
อย่างไรก็ตาม นายโภคิน ย้ำว่าวันนี้ไม่มีการพูดถึงการนิรโทษกรรม เพราะมีรายละเอียดที่ต้องทำความเข้าใจในเชิงหลักการ และวิธีคิดให้ตรงกันก่อน เพราะอาจมีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ส่วนผู้ที่ตกเป็นเหยื่อต้องเป็นฝ่ายให้อภัย ส่วนสิ่งที่ผู้มีอำนาจพึงกระทำคือ ขอโทษ และการที่พรรคเพื่อไทยเข้าร่วมการปรองดองครั้งนี้เป็นเพราะต้องการให้ประเทศเดินหน้า ไม่เกี่ยงว่าทหาร หรือใครเป็นผู้จัด เพราะหากปฏิเสธก็เท่ากับไม่อยากเห็นการปรองดองอย่างแท้จริง